พอเรียนออนไลน์ไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ๆ เท่าไรนัก น่าเสียดายที่การเดินทางไปหาหรือพูดคุยกันแบบเห็นหน้าตัวจริงเป็นไปได้ยากมากในช่วงนี้ เเล้ววันหนึ่งก็ต้องสัมภาษณ์เพื่อน...เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนรักของเราด้วย บางครั้งก็อยากหลีกเลี่ยงงานแต่พอรู้ว่าได้สัมภาษณ์ 'เพื่อนรัก' งานนี้ก็น่าสนุกขึ้นมาเลย
เพื่อนคนดีคนเดิมของเรามีชื่อว่า ฮานีน ตั้งแต่เกิดมาเรายังไม่เคยมีเพื่อนชื่อนี้มาก่อนและแน่นอนเป็นชื่อที่เรารู้สึกว่าเหมาะกับการอธิบายลักษณะนิสัยของเพื่อนได้ดีทีเดียว เพราะฮานีน แปลว่า เมตตากรุณา และความจริงฮานีนก็เป็นแบบนี้
พอเห็นชื่อ ฮานีน ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ ฟังครั้งแรกก็จำได้ทันที ทำให้นึกถึงชื่อภาพยนตร์ขึ้นมา เรามักเห็นว่าชื่อภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องต้องแตกต่างหรือเป็นที่จดจำให้ผู้ชมติดตราตรึงใจจึงนำไปสู่ การสัมภาษณ์...เพื่อนฉันกับภาพยนตร์
ภาพ บรรยากาศการสัมภาษณ์ฮานีน
ทำไมถึงสนใจด้านภาพยนตร์
ฮานีนเป็นคนชอบดูภาพยนตร์ตั้งแต่เด็ก ๆ ดูทั้งภาพยนตร์ไทยกับสากล รวมถึงการ์ตูน เริ่มดูอย่างจริงจังเพราะคุณพ่อที่ชอบซื้อภาพยนตร์มาทำให้ได้ดูไปพร้อมกัน พอดูไปดูมาก็รู้สึกชอบเพราะภาพยนตร์ทำให้ผ่อนคลายดี
ภาพยนตร์ในดวงใจ คือเรื่องอะไร
พอดูมาเรื่อย ๆ ก็ชอบดูภาพยนตร์แนวตลกกับแนวสยองขวัญ แล้วถ้าพูดถึง ภาพยนตร์ในดวงใจ ก็มีหลายเรื่อง
"เรื่องที่ชอบเลยก็เรื่อง แฟนฉัน เพราะเป็นหนังที่จริง ๆ ก็ไม่ได้ออกแนวตลกมากแต่เป็นแนวความรักด้วย แล้วรู้สึกว่าดูแฟนฉัน ตอนเด็ก ๆ เราไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเลย ดูก็เป็นเจี๊ยบกับน้อยหน่า ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนจบน้อยหน่าในสายตาเจี๊ยบถึงยังเป็นเด็กเหมือนเดิม ไม่เป็นน้อยหน่าตอนเป็นผู้ใหญ่ เหมือนที่เราเห็นเจี๊ยบ พวกความหมายต่าง ๆ เราก็ยังไม่เข้าใจ พอโตแล้วกลับมาดูก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ลึกซึ้งมาก ทำให้เราย้อนไปดูความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่ได้เกี่ยวกับความรักก็ได้ เรื่องการละเล่นอย่างกระโดดหนังยาง เล่นหมากเก็บกับเพื่อน ๆ เลยชอบเรื่องนี้" ฮานีนบอก
ตัวละครที่ชอบในภาพยนตร์เรื่องนั้น เพราะอะไรถึงชอบ
ตอนเด็กตัวละครที่ชอบก็คือ น้อยหน่า เพราะน่ารัก สดใส ร่าเริง และกระโดดหนังยางเก่งมาก พอโตขึ้นกลับชอบเจี๊ยบมากกว่า เพราะมีบุคลิกนิสัยที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ก็ยังสะท้อนความเป็นเด็ก แล้วก็มีฉากที่ทำให้ประทับใจเจีี๊ยบคือตอนที่เจี๊ยบวิ่งตามรถเพื่อเอาหนังยางไปคืนให้น้อยหน่า
แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ในการใช้ชีวิต
''ชอบประโยคสุดท้ายของเรื่อง ตอนเด็กเราไม่รู้ความหมายของมัน เหมือนน้อยหน่าจะอยู่ในความทรงจำของเจี๊ยบไปตลอดไม่ว่าโตแค่ไหนแต่ก็ยังจะมองภาพน้อยหน่าตอนเด็ก พอฟังแล้วทำให้นึกถึงอดีต นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ถ้าแรงบันดาลใจก็เชื่อมโยงกับหนังอีกเรื่อง ความแก่เป็นเรื่องยาก คือ การเป็นคนแก่ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะผ่านอะไรมาได้ เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่าจริงมาก ใช้กับชีวิตจริงได้ จากที่เมื่อก่อนเรามีความสุข พอเราโตขึ้นความสุขเราหายไป ชีวิตเริ่มมีปัญหา มีอุปสรรคมากขึ้นให้เรารับมือ แล้วเรื่องก็ใหญ่ขึ้น ๆ อยู่ที่ว่าเราจะรับมือได้มากแค่ไหน ความแก่เลยไม่ใช่เรื่องง่ายก็ต้องผ่านไปให้ได้ '' ฮานีนเสริม กว่าจะมาเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ฮานีนบอกก่อนเลยว่าไม่ได้รู้ละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการสร้างภาพยนตร์ แต่เพราะเป็นคนชอบดูภาพยนตร์ทำให้ชอบดูเบื้องหลังของการทำภาพยนตร์ไปด้วย เบื้องหลังจะเป็นอย่างไร สนุกสนานเหมือนในเรื่องไหม ทีมงานกับนักแสดงทำอย่างไรถึงแสดงออกมาได้ดี รู้สึกเขินหรือตลกกันบ้างไหม ทำให้เห็นมุมที่ผู้ชมอย่างเราไม่เห็นในเรื่อง และบางครั้งฮานีนก็ไปฟังสัมภาษณ์ผู้กำกับก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ มาว่าต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีเหมือนกัน มีทั้งการคัดนักแสดงก่อนแล้วมาทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมร่วมกัน นักแสดงบางคนมาทดสอบเป็นตัวละครตัวไหนอาจจะไม่ได้เป็นตัวละครที่มาทดสอบตอนแรกก็เป็นได้ สำหรับเราที่ไม่ได้ดูภาพยนตร์บ่อยนักจึงถามถึงภาพยนตร์ที่ฮานีนต้องการแนะนำ หากใครที่ไม่ได้ชอบการดูภาพยนตร์แบบเราเผื่อว่าไปดูแล้วอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ และคำตอบของฮานีนก็ทำให้เรารู้สึกประทับใจในเพื่อนคนนี้ของเรามาก "ภาพยนตร์ก็มีหลายแบบ สำหรับใครที่อาจจะไม่ได้ชอบดูภาพยนตร์แต่ภาพยนตร์ทุกเรื่องมีแง่คิด มีสาระหมดเลยที่เราสามารถนำเกร็ดเล็ก ๆ ไปใช้ต่อได้ คำพูดบางคำของตัวละคร บางทีเหมือนไม่มีอะไรแต่ถ้าเราตั้งใจฟังดี ๆ จริง ๆ แล้วสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา ไปคิดต่อได้ แง่คิดที่สอดแทรกอาจทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป มีความคิดมุมมองที่แปลกใหม่หรืออาจเปลี่ยนไป" ฮานีนบอกและยังเสริมต่อว่า "จะดูหนังเรื่องไหนก็ได้ แต่สำคัญที่ว่าเราจะจับแง่คิดที่ภาพยนตร์แต่ละเรื่องใส่เอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราคิดว่าหนังทุกเรื่องมีคุณค่าในตัว อย่างหนังบางเรื่องที่คนมองว่าไร้สาระ ความจริงหนังเรื่องนั้นอาจให้แง่คิดต่าง ๆ กับเราได้ คำพูดที่ตัวละครตัวหนึ่งต้องการสอนตัวละครอีกตัวหนึ่งก็เป็นแง่คิดอยู่ที่คนดูจะเก็บไปคิดมั้ย ไม่ว่าจะหนังไทยหรือสากลก็มีแง่คิดหมดเลย หนังบางเรื่องสะท้อนสังคม ชีวิต ความรู้สึก ประวัติศาสตร์ แล้วหนังบางเรื่องก็ทำให้เรารู้ว่ามีอะไรกำลังเป็นประเด็นอยู่ในช่วงนั้น" ส่วนตัวฮานีนชอบภาพยนตร์ของค่าย GDH เพราะรู้สึกว่าทางค่ายใส่ใจรายละเอียด ตั้งใจทำผลงานแต่ละเรื่อง เช่น เรื่อง แปลรักฉันด้วยใจเธอ ทางผู้สร้างก็ใช้เวลาคิดตัวละครกว่า 5 ปี รวมถึงเรื่องแฟนฉันเองก็อยู่ในค่ายนี้ด้วยตอนที่ยังเป็น GTH อยู่ ถ้าได้มีโอกาสทำภาพยนตร์อยากทำหน้าที่อะไร
ฮานีนชื่นชอบการทำงานเบื้องหลัง สนใจตำแหน่งงานทุกฝ่ายในเบื้องหลัง แต่ถ้าให้เลือกว่าต้องการทำหน้าที่อะไรมากที่สุด คำตอบของฮานีนก็คือ ตากล้อง เพราะต้องใช้ความสามารถและในเวลาเดียวกันก็ดูเท่ไม่น้อยเลย
เวลาว่างนอกจากดูภาพยนตร์แล้วจะเลือกทำอะไร
สุดท้ายเมื่อมีเวลาว่างถ้าไม่ได้ดูภาพยนตร์ก็จะชอบหาความรู้เรื่องการตัดต่อ ใส่เสียง แล้วก็ลองทำให้เป็นเรื่องเป็นราวและนี่ก็คือคำตอบของฮานีน พอได้ฟังและพิจารณาแล้วจากชื่อของฮานีนเอง ความชอบในภาพยนตร์ รายละเอียดต่าง ๆ ทั้งเบื้องลึกเบื้องหลัง ผู้สร้างสรรค์ผลงานตลอดจนงานอดิเรกยามว่างของฮานีนสะท้อนตัวตนของคนรักภาพยนตร์ตัวจริง ไม่ว่าเป็นเรื่องในดวงใจหรือตัวละครที่ชอบทำให้เราได้กลับไปคิดทบทวนตามไปด้วย
นอกจากการชมภาพยนตร์จะทำให้รู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว หากลองดูดี ๆ จะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ผู้สร้างได้คิดวางแผน กลั่นกรองออกมา ภาพยนตร์ทุกเรื่องอาจจะไม่ได้ถูกใจคนทุกคน แล้วแต่ความชอบของคน ๆ นั้นแต่พอได้ฟังฮานีนพูดแล้วต่อไป ถ้าได้ดูภาพยนตร์แต่ละเรื่องก็จะคิดตามและใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากขึ้น เพราะฮานีนได้บอกกับเราแล้วว่า
"จะดูหนังเรื่องไหนก็ได้ แต่สำคัญที่ว่าเราจะจับแง่คิดที่ภาพยนตร์แต่ละเรื่องใส่เอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราคิดว่าหนังทุกเรื่องมีคุณค่าในตัว"
—ฮานีน
ขอขอบคุณมุมมองความคิดเห็นที่น่าสนใจจาก ฮานีน
และ สัมภาษณ์โดย ต่อง คนนี้คนเดิม
ติดตามความเคลื่อนไหวงานเขียน Sharpeitong
Facebook Page: https://www.facebook.com/Sharpeitong/
Comments